muaytoday LINE : @mtdfc
muaytoday
วันที่ 15 พฤษภาคม 2024 11:31 PM
muaytoday
muaytoday
หน้าหลัก » ข่าวมวย » เฟอร์รารี่ แฟร์เท็กซ์ จากเอ็นเข่าขาดเกือบเลิกชก สู่ยอดมวย 64

เฟอร์รารี่ แฟร์เท็กซ์ จากเอ็นเข่าขาดเกือบเลิกชก สู่ยอดมวย 64

อัพเดทวันที่ 25 เมษายน 2022 เข้าดู 118 ครั้ง

เฟอร์รารี่ แฟร์เท็กซ์ จากเอ็นเข่าขาดเกือบเลิกชก สู่ยอดมวย 64 เรียกได้ว่าเป็นการออกมาเปิดใจครั้งแรกสำหรับยอดมวย ถ้วยพระราชทาน 64 สำหรับเบื้องลึกเบื้องหลังที่หลายคนนั้นยังไม่เคยรู้กับอุปสรรคมากมายครั้งหนึ่งจะเลิกชกมวยแล้วแต่สาเหตุอะไรทำให้เขานั้นกลับมาสู้จนปัจจุบันนี้ได้รับเป็นถึง ยอดมวยถ้วยพระราชทาน 64 โดยล่าสุดนั้นเจ้าตัวได้เปิดใจว่า

เฟอร์รารี่ แฟร์เท็กซ์

“การมวยทราบกันดีว่าครั้งหนึ่งนั้น ผมได้รับบาดเจ็บที่เข่าขวา จากไฟต์ที่แก้มือชนะ เมืองไทย เมื่อ ก.พ. ปี 63 นายเปรมพาผมไปหาหมอ คุณบอกว่าเอ็นหัวเข่าฉีก ต้องผ่าตัดทันที ช่วงที่หยุดไป 9 เดือน ในหัวก็คิดไปต่าง ๆ นานา กลัวกลับมาไม่เหมือนเดิม แต่นายถามว่าสู้ไหม ผมตอบกลับไปว่า ‘สู้ครับ’ ”

“และสิ่งหนึ่งที่ยังจำได้ดีนั้นก็คือ นายเคยบอกกับผมว่า มวยอย่างผมไม่สมควรดังแค่ในเมืองไทย ผมต้องออกไปเปิดตัวให้แฟนมวยต่างชาติได้เห็นความเก่งของนักมวยไทยต้นตำรับ นายบอกว่ารอให้ถึงวันนั้น วันที่ผมได้ตำแหน่งสำคัญในเมืองไทย แล้วจะพาผมไปเป็นที่รู้จักของคนต่างชาติ”

“ผมมาเข้าใจความหมายที่เจ้านาย (เปรม) พูด ก็ในวันที่ผมได้รับรางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยม สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย นี่แหละครับ” ภาพการชกของ เฟอร์รารี่ แฟร์เท็กซ์ ในอดีตที่ติดตาแฟนมวย คงภาพของเป็นยอดมวยเข่าผู้แข็งแกร่ง ลีลาแทงเข้าตาเซียน โดดเด่นในการต่อสู้วงใน แต่ปัจจุบัน “เฟอร์รารี่” ปรับสไตล์มาเป็นมวยจังหวะฝีมือที่ออกอาวุธมวยไทยได้ทุกลูก ครบเครื่องแข็งแรงทั้งวงนอกและวงใน

ทำให้ผลงานของเขาดีต่อเนื่อง จนสามารถก้าวขึ้นไปคว้ารางวัลยอดมวยถ้วยพระราชทาน จากสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดของ นักมวยไทยอาชีพ ทั้งที่ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน “เฟอร์รารี่” เคยได้รับบาดเจ็บหนักที่สุดในชีวิต เอ็นเข่าฉีดขาด ต้องพักรักษาตัวนานถึง 9 เดือน ซึ่งทำให้เขากังวลว่าตัวเองจะไม่สามารถกลับมาเป็น มวยเงินแสนได้เหมือนเดิม

และครั้งหนึ่งเคยคิดเลยว่าถอดใจแขวนนวม สาเหตุที่คิดอย่างนั้นก็เพราะว่าน้อยใจในโชคชะตา แต่สุดท้ายเขากลับมาสู้ต่อบนสังเวียนผืนผ้าใบ และแสดงให้ทุกคนเห็น “เฟอร์รารี่ แฟร์เท็กซ์” ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม และกำลังเข้าใกล้กับอีกเป้าหมายในการออกไปโกอินเตอร์ต่างแดนเต็มที

เดิมทีต้นกำเนิดนั้น ชื่อจริงๆแล้วผมมีชื่อจริงว่า กิตติภพ เมืองพร้อม ชื่อเล่น ออม เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2540 ที่ตำบลถ้ำสิงขร อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ่อชื่อ สายชล เมืองพร้อม แม่ชื่อ อรสา ชำนาญแก้ว ทำอาชีพสวนยางและสวนปาล์ม ผมเป็นลูกคนโต คนรองเป็นน้องสาว ส่วนน้องชายคนเล็กชกมวยชื่อ จากัวร์ จักรยานมวยไทย ตอนนี้เข้ามาต่อยศึกเพชรยินดี มีค่าตัวประมาณ 15,000 บาทแล้วครับ

โดยเริ่มรู้จักคำว่ามวยตั้งแต่ผมนั้นอายุได้เพียงแค่ 8 ขวบ พ่อเป็นนักมวยเก่าเป็นผู้หัดให้ ตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยแข็งแรงเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย ผมหัดมวยช่วงแรกจึงเน้นเป็นการออกกำลังกายมากกว่า หลังซ้อมได้หนึ่งอาทิตย์ ที่อำเภอบ้านนาเดิมมีเปรียบมวย พ่อพาไปเปรียบจนได้คู่ชกในน้ำหนัก 27 กิโลกรัม ตกลงค่าตัวคนละ 300 บาท ผมมีเวลาซ้อมเพิ่มอีกหนึ่งอาทิตย์ ขึ้นชกในชื่อ สิงหา ส.ชิงชัย แต่วันชกเกิดไม่สบาย พ่อไปแจ้งถอน แต่เขาหามวยแทนไม่ทัน และผมก็อยากชกด้วย พ่อก็ตามใจและบอกคนจัดว่าถ้าไม่ไหวให้จับแพ้ได้เลย ผมรับอาวุธคู่ชกอยู่ครึ่งยก กรรมการก็จับแพ้ให้พ่อประคองลงเวทีแค่ยกแรก

อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นประสบการณ์เพราะ ถึงแพ้แต่ผมไม่เสียใจนะ แค่เสียดายที่อุตส่าห์ตั้งใจซ้อมแต่ดันมาป่วยเสียก่อน ต่อมาเปลี่ยนชื่อมาเป็น หนึ่งสิงหา เกียรติรัษฎา ซึ่งพ่อตั้งให้เหมือนเดิม จากนั้นกำนันเสถียรพร ชัยเจริญ ชวนมาอยู่ค่าย จึงเปลี่ยนชื่อเป็น เพชรสิงขร ก.เสถียรยิมจากนั้นมาอยู่กับ น้าคัพ ป.อินเตอร์ (ปรัชญา ปรีชา) เปลี่ยนชื่อค่ายเป็น เพชรสิงขร ป.อินเตอร์

อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นประสบการณ์เพราะ ถึงจะไม่ชนะแต่สิ่งสำคัญที่สุดผมก็ไม่เคยเสียใจนะสำหรับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น แค่เสียดายที่อุตส่าห์ตั้งใจซ้อมแต่ดันมาป่วยเสียก่อน ต่อมาเปลี่ยนชื่อมาเป็น หนึ่งสิงหา เกียรติรัษฎา ซึ่งพ่อตั้งให้เหมือนเดิม จากนั้นกำนันเสถียรพร ชัยเจริญ ชวนมาอยู่ค่าย จึงเปลี่ยนชื่อเป็น เพชรสิงขร ก.เสถียรยิม จากนั้นมาอยู่กับ น้าคัพ ป.อินเตอร์ (ปรัชญา ปรีชา) เปลี่ยนชื่อค่ายเป็น เพชรสิงขร ป.อินเตอร์

ซึ่งตอนนั้นน้าเขาก็ได้พาพวกนั้นมาเปิดประสบการณ์ใหม่กับการที่ มาฝากซ้อมเพราะเห็นว่าที่ค่ายแฟร์เท็กซ์มีอุปกรณ์ซ้อมทันสมัย และมีนักมวยตัวใหญ่ มีชาวต่างชาติเป็นคู่ปล้ำเยอะ วันหนึ่ง เสี่ยบรรจง บุษราบวรวงษ์ คุณพ่อของนายเปรมเห็นผมซ้อมแล้วชอบ จึงขอผมกับน้าคัพให้มาเป็นนักมวยค่ายแฟร์เท็กซ์ ตอนแรกนายเปรมไม่ได้สนใจผมเท่าไหร่ เพราะต้องคุมแสตมป์ แฟร์เท็กซ์ และเห็นว่าผมมีแต่เข่า แต่พอผมชกทำแต้มนำคู่ต่อสู้แล้วยกสุดท้ายออกมาชกจังหวะฝีมือเตะถีบใส่คู่ชกเท่านั้น

เฟอร์รารี่ แฟร์เท็กซ์

ครั้งนั้นยังจำได้ดีว่าทางด้าน เสี่ยเปรม

เห็นการฝึกซ้อมแล้วถึงขั้นบอกว่าผมเป็นมวยใช้แข้งดี หลังจากนั้นจึงให้ ยอดสามารถ ช.รุ่งศักดิ์ เทรนเนอร์ของผมสอนการออกแข้งและฟันศอกให้ชำนาญ ส่วนการต่อยหมัด ให้เทรนเนอร์ชาวฟิลิปปินส์มาสอน นายเปรมบอกว่า เวลาชกจริงอาจจะไม่ค่อยได้ใช้ แต่ต้องฝึกการออกหมัด เท้า เข่า ศอก ให้ครบเครื่องและมีประสิทธิภาพ วันข้างหน้าต้องได้ใช้แน่นอน ถูกต้องแล้วครับ ผมก็เหมือนนักมวยทุกคนในยุคนี้ ไม่ว่าจะชอบชกหรือว่าถนัดในการใช้อาวุธแบบไหน แต่สุดท้ายต้องฝึกการปล้ำเข่ามากกว่าอาวุธอื่น ความจริงผมก็อยากเป็นมวยที่ออกอาวุธครบเครื่องนะครับ แต่ขึ้นไปในชกในสไตล์ที่เราชอบ ก็คงต้องโดนทุกคนต่อว่า จึงต้องเน้นตีเข่าปล้ำวงในอย่างเดียว

หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนเสื้อใหม่ และมาเปิดประสบการณ์ได้มาอยู่กับทางด้าน เสี่ยเปรม นายให้เทรนเนอร์เสริมอาวุธอื่นให้ผมทันที นายบอกกับผมว่า มวยอย่างผมไม่สมควรจะโด่งดังแค่ในเมืองไทย ผมต้องออกไปเปิดตัวให้แฟนมวยต่างชาติได้เห็นความเก่งของนักมวยไทยต้นตำรับนายบอกว่ารอให้ถึงวันนั้น ตำแหน่งสำคัญในเมืองไทย จะพาผมไปเป็นที่รู้จักของคนต่างชาติ ผมมาเข้าใจความหมายของเจ้านาย ผมก็ในวันที่ได้รางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยม สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย นี่แหละครับ

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับหรือว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์และ โชคดีที่ได้อยู่กับหัวหน้าคณะใจดีมาตลอด ช่วงที่อยู่กับน้าคัพ ป.อินเตอร์ แกก็ดูแลผมดีมากครับ แต่ต้องเข้าใจว่าแกเป็นคนเล่นด้วย จึงต้องทำมวยทรงนี้ เพราะถ้าแกไม่ทำแบบนี้ ผมอาจไม่ได้แสดงฝีมือ และไม่ได้มาอยู่กับนายเปรมก็ได้ ตอนซ้อมมวย น้าคัพให้ผมออกอาวุธได้ทุกอย่าง แต่เวลาชก แกขอให้เน้นปล้ำในเน้นลูกแข็งแรง ไม่อย่างนั้นจะสู้เขาไม่ได้ ถ้าชกแล้วไม่ชนะเขา จะไม่มีวันดังและได้ค่าตัวเยอะๆ

อย่างไรก็ตามต้องมองเลยว่าเมื่อตอนผมนั้นตัวโตขึ้น น้าคัพเลยได้พาผมนั้นมาซ้อม ค่ายแฟร์เท็กซ์ สิ่งสำคัญที่สุดนั่นก็คือเหมือนน้าคัพคงรู้ว่า สักวันหนึ่งผมต้องไม่มีคู่ชกในเมืองเพราะตัวใหญ่ คงมองว่าถ้ามาซ้อมที่นี่ ผมอาจมีโอกาสได้ชกต่างประเทศ เพราะนายเปรมน่าจะช่วยหารายการชกให้ผมได้มากกว่าแกแน่ มันเป็นอารมณ์ของคนน้อยใจในวาสนาตัวเอง ผมอุตส่าห์โชคดีได้มาอยู่ค่ายมวยมาตรฐานอย่าง แฟร์เท็กซ์ มีเจ้านายใจดี มีเพื่อนร่วมค่ายดี

และสิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือลีลาการชกแม่ไม้มวยไทยของผมนั้น เริ่มดีวันดีคืน หลังโชว์ฟอร์มได้สุดยอดกับการที่ มือชนะคะแนน เมืองไทย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2563 ที่นครศรีธรรมราช แล้วได้รับบาดเจ็บที่เข่าขวา นายเปรมพาผมไปหาหมอ ปรากฏว่างานเข้าเลย คุณหมอบอกว่าเอ็นหัวเข่าฉีกต้องผ่าตัดทันที วินาทีแรกที่รู้ว่าตัวเองเอ็นขาด ผมคิดว่าผมคงไม่สามารถกลับมาชกได้อีกครั้งแล้ว ทาง เสี่ยบรรจง (บุษราบวรวงษ์) และนายเปรม ก็เลยถามผมว่า ผมจะสู้ต่อไหม ผมก็ตอบเสี่ยว่า “สู้ครับ”

เฟอร์รารี่ แฟร์เท็กซ์

และความโชคดีนั้นก็คือครั้งหนึ่งทางด้าน เสี่ยก็เลยบอกว่า ถ้างั้นจะออกค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดให้ทั้งหมด ซึ่งค่ารักษาประมาณ 250,000 บาท ผมเลยตั้งใจว่าถ้าหายจากอาการบาดเจ็บ ผมจะขยันและตั้งใจซ้อมเพื่อตอบแทนเสี่ยกับนายที่ดูแลผมเป็นอย่างดีครับ หลังจากผ่าตัด หมอให้พักฟื้นอย่างน้อย 6 เดือน ช่วงกินนอนรักษาตัวที่ค่าย ผมจึงคิดอะไรไปต่างๆนานา ผมกลัวนายเปรมจะผิดหวัง เพราะไม่รู้ว่ารักษาหายแล้วจะกลับมาชกได้ดีเหมือนเดิมหรือเปล่า ? พออาการดีขึ้น ก็ต้องกลับมาทำร่างกาย กว่าจะได้ชกอีกครั้งก็นานถึง 9 เดือน กลับมาชกไฟต์แรกที่เวทีช่อง 7 สี ก็ชนะคะแนน ทักษิณเล็ก ได้เมื่อปลายปี 2563 ซึ่งไฟต์นั้นผมไม่มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่ามารบกวนอย่างที่กลัวในตอนแรก

นายเปรม บอกกับผมถ้าอยากไปชกต่างประเทศ ผมต้องต่อยให้ดุดัน ผมจึงมีเป้าหมายและแรงบันดาลใจในการชก ในช่วงปีที่ผ่านมา ผมจึงชกด้วยความมุ่งมั่น และพยายามปรับปรุงข้อผิดพลาดในทุกไฟต์ที่ได้ชก เราต้องทำให้ดีกว่าเดิม ต้องให้เห็นเจ้านายได้เห็นว่าผมคู่ควรที่จะได้ออกไปโกอินเตอร์ และผมแกร่งขึ้นกว่าเดิม อีกอย่างผมอยากตอบแทนความไว้วางใจที่ ค่ายแฟร์เท็กซ์ มีให้ตัวผม แม้ผมจะได้รับบาดเจ็บหนักก็ไม่ได้ทอดทิ้ง ยังคงดูแลผมเป็นอย่างดี ผมก็ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะชกสร้างชื่อเสียง นำความสำเร็จมาสู่ค่ายมวยแฟร์เท็กซ์ให้ได้ครับ

ก็ดีใจมากครับที่ตัวเองมีชื่อติดโผ 2 คนสุดท้าย แต่ก็เผื่อใจไว้เหมือนกัน เพราะถ้าเทียบกับ ลำน้ำมูลเล็ก เขามีสถิติชนะ 4 ไฟต์รวด ส่วนผมชนะ 3 ไฟต์ แพ้ 1 ไฟต์ พอทราบว่าเป็นผมที่ได้รางวัล ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจในตัวเองมากครับ อยากขอบคุณค่ายแฟร์เท็กซ์ เสี่ยบรรจง นายเปรม เทรนเนอร์และเพื่อนๆในค่ายทุกคน ที่ดูแล ให้คำแนะนำ รวมถึงช่วยเป็นคู่ซ้อมคู่ปล้ำให้ครับ

แน่นอนครับ เมื่อผมเป็นยอดมวย สิ่งแรกที่ยอดมวยทุกคนต้องเจอก็คือ ความกดดัน เพราะทุกคนกลัวแพ้ กลัวจะเสียชื่อยอดมวยที่ได้มา เรื่องนี้นายเปรมบอกผมเสมอว่า อย่ายึดติดกับตำแหน่งหรือรางวัลที่ได้มา สิ่งเหล่านั้น คือ ความสำเร็จที่ตอบแทนความตั้งใจที่ผ่านมาของเราไปแล้ว นายเปรมบอกให้มองไปข้างหน้า ยังมีความสำเร็จท้าทายความสามารถของเราอีกมากมาย นายเปรมกำลังจะบอกผมว่า ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ขอให้ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

โดยครั้งนั้นตัวเองก็พยายามจะทำตัวให้สบายมากมากไม่ต้องคาดหวัง ไม่คิดมาก ไม่เกร็งจนวิตกกังวล การชกกับ ตะเภาแก้ว สิงห์มาวิน ในวันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคมนี้ที่สตูล ผมจะลองชกให้ผ่อนคลายสบายๆ อย่างที่นายเปรมแนะนำครับ  ตอนแรกมีคนติดต่อไปชกกับ เนธาน เบนดอน

ในรายการมวยไทยกรังด์ปรีซ์ที่ประเทศอังกฤษในวันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม ซึ่งจะเป็นการชกต่างประเทศครั้งแรกของผม  แต่พอผมได้ตำแหน่งยอดมวย ได้ยินว่านายเปรม อาจผลักดันให้ไปชกใน ONE Championship ก็คงต้องดูว่าการเจรจาจะเป็นอย่างไร ถ้าได้เซ็นสัญญา ONE เร็ว ผมจะมุ่งมั่นลุยกับรายการเต็มตัว ส่วนรายการที่อังกฤษ คงต้องยกเลิกไป 

คงชกรุ่นแบนตั้มเวต พิกัด 65.8 กิโลกรัม หรือ 145 ปอนด์ จะชกในกติกามวยไทยหรือว่าคิกบ๊อกซิ่งได้หมดครับ ส่วน MMA เอาไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย หรือให้ประสบความสำเร็จทั้งมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งแบบแสตมป์ก่อน ค่อยเปลี่ยนมาลองต่อสู้แบบ MMA

ตอนนี้แชมป์โลกมวยไทยเป็นพี่น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว ความจริงผมไม่อยากชกกับนักมวยไทยด้วยกัน และพี่เขาก็เก่งมากรวมทั้งเป็นต้นแบบของผมด้วย ตอนพี่เขาดังผมยังไม่ได้ชกมวยเลย ถ้าเส้นทางหลีกกันไม่ได้ก็ต้องชกกันครับ ถ้าสายคิกบ็อกซิ่ง แชมป์โลกตอนนี้เป็น ฮิโรกิ อะกิโมโตะ

นักมวยญี่ปุ่นที่เพิ่งได้เข็มขัดจากพี่ กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี่ ผมยอมรับว่าเขาเก่งมากและเป็นมวยสร้างของ ONE Championship ด้วย ส่วนผมยอมรับว่ายังไม่มีประสบการณ์ในการชกคิกบ็อกซิ่ง ให้ผมพูดตามตรงนะ ตอนนี้ผมอยากจะชกหาประสบการณ์ใน ONE ก่อนสัก 1 ปี แล้วหลังจากนั้นค่อยคิดเรื่องชิงแชมป์โลกครับ

 

ผมชื่นชอบในสไตล์การชกของพี่ซุปเปอร์เล็ก มากครับ เขาคือนักมวยที่ชกมายาวนาน และสามารถรักษามาตรฐานในการชกได้ดีมาตลอดครับ นับถือเป็นไอดอลเลยครับ ผมก็คงชกไปตามเกม แต่ถ้าได้ต่อยใน ONE Championship ผมจะขนอาวุธมวยไทยไปทุกขนาน ถ้ามีจังหวะและโอกาสออกอาวุธลูกไหน

ผมพยายามจะเผด็จศึกคู่ต่อสู้ให้ได้ด้วย หมัด เท้า เข่า ศอก โดยเฉพาะลูกแทงเข่าที่แฟนมวยรุ่นใหม่ไม่ชอบดู และมองว่าน่าเบื่อ ผมจะทำให้เห็นว่า เข่า เป็นอาวุธมวยไทยที่หนักหน่วงรุนแรงและทรงอานุภาพมากแค่ไหน ยิ่งกติกา ONE Championship ไม่ให้ปล้ำนานอยู่แล้ว ผมจึงตั้งใจจะแทงเข่าเอาชนะน็อคคู่ต่อสู้ให้ได้สักครั้ง เพื่อทำให้คนต่างชาติได้เห็นว่า อาวุธมวยไทยสวยงาม แต่อันตรายทุกลูกครับ

ติดตามข่าวสารทุกวงการมวยได้ที่ muaytoday.com

แทงมวยออนไลน์ ราคาน้ำที่ดีที่สุดในประเทศไทย

ข่าวมวย ล่าสุด